Home > ห้วงอารมณ์และความรู้สึก > ของขวัญ ภาคสอง: ผู้ให้สู่ผู้รับ กับความหมายอันยิ่งใหญ่ของชายตกงานไร้ความโรแมนติค

ของขวัญ ภาคสอง: ผู้ให้สู่ผู้รับ กับความหมายอันยิ่งใหญ่ของชายตกงานไร้ความโรแมนติค

เย็นย่ำยามที่แสงตะวันเริ่มเปลี่ยนสีของวันที่ร้อนอบอ้าว เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าดังขึ้น
ผมไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าของเครื่องนี้มานานแล้ว จึงรู้สึกแปลกใจ

เธอคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงผู้ซึ่งผมได้เฝ้ารอวันที่จะได้พบกันมาเป็นเวลานาน
ยาวนานเกินกว่าปี อาจจะดูไม่นานนัก แต่ผมเฝ้ารอโอกาสที่จะได้พบกันอยู่ทุกวัน
ช่วงเวลาที่ห่างหายนั้น มันไม่ใช่แค่หายหน้าหายตากันไป แล้วคิดถึงกันเงียบๆ ใต้โคมไฟหัวเตียง
แต่เราทั้งสอง พยายามหาโอกาสที่จะได้พบเจอกันมาโดยตลอด
ทว่า เหมือนมีอุปสรรคขวางกั้น จึงไม่ได้พบเจอกันเสียที

วันที่ผมเฝ้ารอก็ได้เดินทางมาถึง (หรือผมเดินทางไปถึง?)
เธอโทร.มาชวนผมให้ออกไปหา จะได้นั่งทานเข้าด้วยกัน ได้พบเจอ พูดคุยกัน
แม้จะโทร.มาเป็นเวลาที่ค่อนข้างช้าไปหน่อยที่ผมจะออกจากบ้าน
แต่ว่า… แล้วใครจะบ้าปฏิเสธกันล่ะ ผมจึงตอบรับคำเชิญชวนอย่างไม่ลังเล
ทั้งๆ ที่รู้ว่า เย็นวันศุกร์ รถจะติดกว่าวันอื่น ผมคงใช้เวลาเกินกว่าชั่วโมงจึงจะถึงสถานที่นัดหมาย
แต่ว่า… สิ่งที่ควรทำเวลานี้ คือรีบอาบน้ำแต่งตัวออกจากบ้านทันที เพื่อไปให้เร็วที่สุด
โชคดีที่เธอเองตั้งใจจะเดินซื้อข้าวของส่วนตัวก่อน จึงสามารถรอผมได้

พบเจอกันคราวนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้อยู่ด้วยกัน
“แต่ถ้าเทียบกับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอกัน แค่ได้พบหน้าสักหนึ่งนาที่ ก็รู้สึกว่าคุ้มค่าแล้ว”
ผมพูดประโยคนี้กับเธอ หลังจากที่เธอขอโทษที่เรียกผมออกมา…
สุดท้ายตัวเองเป็นฝ่ายที่ต้องรีบกลับเพราะแม่โทร.ตาม

ที่บอกกับเธอแบบนั้น ความหมายจริงๆ ก็คือว่า…
ผมอยากเจอเธอมาก แม้จะมีเวลาอยู่ด้วยกันแค่สั้นๆ แต่ผมก็รู้สึกดีสุดๆ แล้ว
เป็นความรู้สึกปลื้มปิติที่สุดในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา
จนอยากจะเก็บช่วงเวลาเหล่านั้นไว้ตลอดไปแบบไม่เลือนลางจางหายไปตามกาลเวลา
และลึกๆ ในใจผมก็เชื่อว่า คงจะมีสักวัน
ที่เธอจะทำให้ผมรู้สึกดียิ่งขึ้นไปอีก ขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด

ผมได้บอกกับเธอแบบอ้อมๆ ไปแล้วว่า เธอคือผู้หญิงในอุดมคติ สำหรับผม
ทั้งยังบอกเรื่องมุมมองและความรู้สึกต่อความรักในช่วงชีวิตตอนนี้ให้เธอฟัง (จริงๆ เธอเป็นฝ่ายถาม)
เรื่องราวพอสังเขปมีอยู่ว่า…
แม้จะมีคนที่ชอบ แต่ตราบใดที่ยังรู้สึกว่าตัวเองไม่พร้อมในหลายๆ ด้าน ชีวิตยังไม่นิ่งพอ
ก็ไม่อยากจะสนใจเรื่องนี้สักเท่าไร ขอใช้เวลาว่างในตอนนี้พัฒนาตัวเองให้ถึงขีดสุดเสียก่อน
แล้วก็เล่าเรื่อง “จิบเดียวก็ซึ้งแมน” ให้เธอฟัง
เรื่องราวพอสังเขปมีอยู่ว่า…
ฮีโร่ตกกระป๋องคนหนึ่ง ฝันอยากจะเป็นฮีโร่อันดับหนึ่งของจักรวาล
เขาแอบหลงรักเจ้าหญิงของดาวดวงหนึ่ง และสัญญากับตัวเองไว้ว่า
ถ้าได้เป็นฮีโร่อันดับหนึ่งเมื่อไร เขาจะไปสารภาพรักกับเจ้าหญิงองค์นั้น
แล้วก็มีเหตุไม่คาดฝัน เมื่อเจ้าหญิงโดนลักพาตัว พระเอกก็ไปช่วย
เจ้าหญิงจึงตกหลุมรัก และบอกรักพระเอก
แต่แล้วพระเอกกลับตอบว่า “จะมาบอกรักฉันทำไม รอให้ฉันเป็นฮีโร่อันดับหนึ่งให้ได้ก่อนสิ ยัยบ้า”
พระเอกเลยโดนตบซะฉาดใหญ่

ไม่มีเรื่องไหนที่จะอธิบายสภาพจิตใจ ความคิด ความรู้สึก และมุมมองต่อความรักของผม
ได้ดีเท่าเรื่องที่เล่านี้ได้อีกแล้ว

แม้จะไม่ได้บอกเธอตรงๆ ว่า “ฉันชอบเธอ” หรือ “คนที่ฉันชอบที่ว่า ก็หมายถึงเธอนั้นแหละ”
แต่แค่นี้ก็พอแล้ว ก็ผมยังไม่ได้เป็นฮีโร่อันดับหนึ่งเลยนี่นะ
จะไปสารภาพรักเสียก่อนก็ใช่เรื่อง

และแม้เมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่ผมพร้อมแล้วซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง
ทั้งสภาพร่างกาย สภาวะทางจิตใจ และความคิดอ่าน
จนอยากจะบอกกับเธอว่า “ชอบนะ…เรามาใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกันเถอะ”
แต่เธอก็ได้ไปเริ่มต้นกับใครคนอื่นไปแล้ว ผมก็ไม่เสียใจหรอก
เพราะถือว่าได้ทำตามความคิด ความฝัน ของตัวเองแล้ว
แค่คงเสียดายอยู่ลึกๆ ว่าชาตินี้จะหาผู้หญิงแบบนี้ได้อีกที่ไหน
ไม่ว่าอาณาจักรไหน ก็ต้องมีเจ้าหญิงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ถ้าคุณเห็นผมยังโสดอยู่ ก็อย่าได้แปลกใจเลย
ผมก็แค่ฮีโร่ผู้อับโชคเรื่องความรัก

อ๊ะ… ลืมกล่าวถึงของขวัญ
นั่นล่ะ ผมก็ถือโอกาสนำของขวัญไปให้กับเธอ ซึ่งของขวัญก็เป็นชิ้นเดียวกับเอนทรี่ก่อนหน้า
และ “เธอ” ก็เป็น เธอคนเดียวกันกับเอนทรี่ก่อนหน้า

อย่างน้อยผมก็ได้บอกในสิ่งที่อยากบอก ตามแผนที่วางไว้มานานนับปี
ได้มอบของที่อยากให้
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือคำพูดที่มอบให้ไป ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แทนความรู้สึกที่มี
แค่นี้ก็พอแล้ว จะเอาอะไรมากมายกับคนไม่โรแมนติค

  1. July 1, 2011 at 2:41 pm

    ทดไว้ก่อน เดี๋ยวมาอ่าน

  2. alonniy
    July 15, 2011 at 6:27 pm

    ภาษาสวยไม่เปลี่ยนเลยนะ ^^

  1. No trackbacks yet.

Leave a comment