Archive

Archive for the ‘Entertainment’ Category

ราโชมอน ในป่าละเมาะ ราโชมอน ราโชมอน และอุโมงค์ผาเมือง

November 4, 2012 1 comment

ฝนตก ทำให้ผมต้องหลบฝนบริเวณทางเดินหน้าทางเข้าหอสมุด
บริเวณนี้ทุกๆ ปลายเดือนจะมีการจัดโต๊ะขายหนังสือ
หนังสือที่นำมาขายล้วนผ่านการคัดเลือกแล้วว่าเหมาะสม
และน่าจะเป็นที่สนใจของนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งนี้
มหาวิทยาลัยที่เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย

ผมสะดุดตากับรูปเล่มและการออกแบบหน้าปกของหนังสือเล่มหนึ่ง
หน้าปกเขียนว่า “ราโชมอน และเรื่องสั้นอื่นๆ” ริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวะ เขียน
สภาพฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตกในเวลาอันใกล้
ครั้นจะไปนั่งห้องสมุด อุณหภูมิและความชื้นก็ทำให้ผมคัดจมูกและปวดหัวทุกครา
ผมจึงตัดสินใจยอมแลกกระดาษมีค่าเป็นตัวเลขในมือ
เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดกระดาษที่มีคุณค่าเป็นตัวอักษรตรงหน้า
180 บาทคือราคาที่เสียไป บนปกหลังเขียนไว้ว่า 200 บาท
จริงๆ แล้ว การลดราคาหนังสือไม่ใช่เรื่องที่ผมสนใจสักเท่าไร
เพราะคุณค่าที่ได้กลับมาไม่อาจเทียบเคียงออกมาเป็นตัวเลขได้สักครั้ง
แม้เล่มที่ซื้อมาแล้วรู้สึกไม่คุ้ม ก็ไม่ได้เสียดายเบี้ยที่เสียไป หากแต่เสียดายเวลา

เกริ่นเยอะไปแล้ว เข้าเรื่องกันเถอะ

ผมหาที่ยืนอ่านแถวนั้นเพื่อรอฝนหยุดตก
แน่นอนว่า เรื่องแรกที่พลิกไปอ่านก่อนคือ “ราโชมอน”
เพราะต้องการอ่านต้นฉบับของภาพยนตร์ “อุโมงค์ผาเมือง”
ที่นำบทละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน (ประตูผี)” ของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช มาดัดแปลง
คึกฤทธิ์เองก็ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์เรื่อง “ราโชมอน” ของอากิระ คุโรซาวะ อีกที

เมื่ออ่านเรื่องราโชมอน(ต้นฉบับ)จบ ก็พบว่า… มันไม่ใช่นี่ คนละเรื่องอ่ะ

“ราโชมอน” ถ้าจะให้แปลก็ประมาณ ประตูผี นั่นแหละ
เป็นชื่อประตูที่เป็นฉากของเรื่อง เป็นประตูขนาดใหญ่ มีหลังคา ประมาณประตูเมือง
ความตกต่ำของเกียวโตตามเนื้อเรื่อง กอปรกับประตูที่ถูกทอดทิ้งจนเริ่มสึกหรอไร้การซ่อมแซม
บริเวณนั้นจึงเป็นแหล่งที่ชาวเมืองเกียวโตไว้ทิ้งศพไร้ญาติ
เนื้อเรื่องก็จะตั้งคำถามด้านศีลธรรมได้อย่างเจ็บแสบ
ผมขอเล่าย่อๆ (ตามความจำ อาจมีผิดเพี้ยน) ดังนี้…
ชายคนหนึ่งไปหลบฝนใต้ประตูราโชมอน พบหญิงชรากำลังเก็บเส้นผมจากศพเพื่อนำไปขาย
ชายคนนั้นต่อว่าหญิงชราว่าหากินกับศพ หญิงชราตอบว่าไม่ทำก็อดตาย
ชายคนเดิมจึงทำร้ายหญิงชราเพื่อขโมยชุดกิโมโนโดยให้เหตุผลว่า
ในเมื่อหญิงชรายอมรับการกระทำอันไม่ควรเพื่อหากินแล้ว ก็ไม่ควรโกรธแค้นที่เขาทำกับนางเยี่ยงนี้

ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคดีฆาตรกรรมแบบในหนังอุโมงค์ผาเมืองเลย

ฝนยังคงรักษาจังหวะการตกอย่างสม่ำเสมอ ผมจึงอ่านเรื่องต่อไป ในป่าละเมาะ
แค่เริ่มอ่านก็… อา เรื่องนี้สินะ ที่คุโรซาวะ คึกฤทธิ์ และหม่อมน้อย นำพล็อตเรื่องมาใช้

เนื้อเรื่องก็ตามที่เห็นในอุโมงค์ผาเมืองนั่นแหละครับ
เพียงแต่ว่า ในป่าละเมาะ นั้น ไม่มีตอนจบ มีเพียงคำให้การของแต่ละคนเท่านั้น
กล่าวคือ ไม่มีบทสรุป ไม่มีบทเฉลย ผู้อ่านต้องตัดสินเองว่า “ความจริง” คืออะไร

เมื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมก็รู้ว่า การดัดแปลงโดยเพิ่มบทสรุปเข้าไปนั้น
เริ่มจากฉบับภาพยนตร์เรื่องราโชมอนของคุโรซาวะ
ซึ่งเป็นการนำเรื่องราโชมอน(ต้นฉบับ)มาฟิวชั่นกับในป่าละเมาะ
กล่าวคือ ใช้ฉากเป็นประตูราโชมอน
มีการเพิ่มตัวละคร “ชายคนหนึ่ง” จากราโชมอน(ต้นฉบับ)เข้าไปในเรื่องราโชมอน(ภาพยนตร์)
มีเด็กทารกที่ถูกทิ้ง ซึ่งผมเข้าใจว่านำมาแทน “หญิงชรา”
และนอกจากบทเฉลยความจริงของคดีฆาตรกรรมแล้ว
ตอนจบของภาพยนตร์ก็คือการนำตอนจบของราโชมอน(ต้นฉบับ)มาดัดแปลงใส่ลงไป
ในตอนที่ชายหลบฝนขโมยผ้ากิโมโนของทารกเพื่อจะนำไปขาย ชายเก็บฟืนก็ว่ากล่าว
แต่ที่จริงแล้ว ชายเก็บฟืนเองก็ขโมยมีดของหญิงสาว ภรรยาผู้ตายไปเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะถือสิทธิ์อันใดมาตัดสินหลักจริยธรรมของผู้อื่นว่ามิถูกมิควร
(รายละเอียดเพิ่มเติม ราโชมอนฉบับภาพยนตร์ http://pwttas.wordpress.com/2011/06/26/rashomon-1950/)

สรุปก็คือ ฉบับภาษาไทย ไม่ว่าจะเป็น ราโชมอน(ประตูผี) หรือ อุโมงค์ผาเมือง

ก็ไม่ได้ดัดแปลงแก่นเรื่องตามที่หลายคน (รอบๆ ตัวผม) เข้าใจ
การเพิ่มตอนจบนั้นมีตั้งแต่ฉบับภาพยนตร์ของคุโรซาวะแล้ว
ซึ่งอุโมงค์ผาเมืองของไทยนั้นเป็นการปรับเปลี่ยนจากฉบับภาพยนตร์ของคุโรซาวะอีกที
(ที่ฟิวชั่นระหว่างเรื่องสั้นต้นฉบับสองเรื่อง)
โดยการทำให้เป็นบริบทแบบไทย เช่น ฉาก ยุคสมัย ชื่อตัวละคร เป็นต้น

สิ่งที่น่าสนใจในเรื่อง ในป่าละเมาะ/ราโชมอน/อุโมงค์ผาเมือง นี้ก็คือ
คำให้การที่ไม่ตรงกันของแต่ละคน ทุกคนล้วนโกหก
แต่มิใช่การโกหกเพื่อให้พ้นข้อกล่าวหา
ตรงกันข้าม ต่างสร้างเรื่องให้เสมือนว่าเป็นความผิดของตน
จากบทสรุปที่ “ชายหลบฝน” หรือ “คนบ้า” ได้ทิ้งไว้ก็คือ
—ทุกคนต่างก็โกหก สร้างเรื่อง เพื่อให้ตัวเองดูดีกันทั้งนั้น—

ไม่ว่ายุคสมัยไหน มนุษย์ก็ยังคงเป็นเช่นเดียวกันนี้

ปล. รายละเอียดการวิเคราะห์เปรียบเทียบเรื่องราโชมอน/ในป่าละเมาะแต่ละฉบับ
อ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือ “ราโชมอน และเรื่องสั้นอื่นๆ” ในบทส่งท้ายของ วาด รวี

คืนวันศุกร์(อีกที)

December 4, 2007 4 comments
 
นั่งตากลมเย็นๆ
ฟังเพลงชิลล์ๆ (ที่ไม่ค่อยจะได้ยิน)
กรอกเหล้าลงคอ
ณ รวยรินกลิ่นชีวา
ร้านเหล้าในตำนาน แห่งถนนพระอาทิตย์
มีสมาชิกดังนี้
เน เบส บิ๊ก โน้ต ปุ๊กกู่
น้องเอกประวัติฯ ตามมาสมทบ
น้องตั๊ก(อดีตเพื่อนร่วมวงเหล้า)
น้องหลิน(น้องโต๊ะกูเอง)
และน้องนุช(เพิ่งเจอครั้งแรก)
ดึกๆ หน่อย ต้อม กับ พัด ก็ตามมาร่วมขบวนการ
อ่อ มีไอ่ฟาง เอกประวัติฯ และไอ่เม เอกจิตฯ ด้วย
 
พวกเอกประวัติฯ (ยกเว้นไอ่บิ๊ก) สั่งเหล้าปั่นมากิน
ส่วน เน กะ เบส กินเหล้ากันอยู่สองคน
ดีนะ ไอ่โน้ตกะไอ่เม มาเสริมทัพตอนหลัง
แต่ยังไง เหล้าก็ไม่หมดขวดอยู่ดี
 
ได้เวลากลับ กึ่มกำลังดี
ต้อมมาส่งถึงรามอินทรา (เพราะมันต้องไปส่งพัดต่อ)
แต่ เน นั่ง ทซ. ไปส่งไอ่ฟางก่อนที่งามวงศ์วาน
เพราะมันไม่กล้ากลับคนเดียว (ป่อยยย)
ถึงบ้านก็หลับสบายล่ะ เพราะแอลกอฮอล์มันซึมได้ที่
 
ตื่นมา ออกจากบ้านอีก เพราะตอนเย็นมีงานเลี้ยงรุ่น
จะได้พบปะกับเพื่อนๆ สมัย ม.ต้น ที่ห่างหายไปนาน
แต่ออกจากบ้านเร็วไปหน่อย ไม่รู้จะไปไหน ไปพารากอน
เดินคิโนคุนิยะ เข้าร้านหนังสือคนเดียวนี่ ช่างสบายใจ
โน้ส อุดม เคยสอนไว้ว่า ถ้าจะเดินดูหนังสือ ให้ไปคนเดียว
จริงแท้แน่นอน ขอยืนยัน
 
ดูเวลา ยังอีกตั้งนานกว่างานจะเริ่ม
เลยไปดูหนังเรื่อง lust caution ที่โรงหนังสยาม
หนังโคตรเครียดเลย และเหลียงเฉาเหว่ย ก็ยังแสดงดีเหมือนเดิม
 
เอาล่ะ ได้เวลาจริงๆ แล้ว ก่อนไปแวะไปซื้อกาแฟดีกว่า
เข้าไปที่ร้านทุยโกปิ๊ (ทรูคอฟฟี่) แล้วก็ไปซื้อมอคค่าแก้วนึง
มีน้องเอ๋ชงให้ กาแฟแก้วนี้เลยอร่อยสุดๆ ไม่ต้องใส่น้ำตาลเลย
 
ในงานโรงเรียน ก็เจอไอ้เป้ใหญ่ เป็นพิธีกรอยู่บนเวที
ก็ เอชชาแนล เขาเป็นสปอนเซ่อ
 
ดื่มพอประมาณ พอเจอเพื่อนๆ รุ่นน้องน่ารักๆ รุ่นพี่เถื่อนๆ
แต่ไม่ว่าจะมาแนวไหน พอเมาแล้วแม่งเรื้อนทุกคนเลยว่ะ
พอละ กลับบ้านดีกว่า
 
พอถึงบ้านก็เซ็ง อดดู บางรักซอย9 เลยตู
 
ปล. ต้องดูเดี่ยว 7 กับตั๋วราคาพันห้า
ปล.2 ไม่ไปปายแล้ว ไปรับน้องเอกญี่ปุ่น
ปล.3 ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเอกญี่ปุ่นเลย (นอกจากมีอดีตอยู่เยอะ)
ปล.4 แต่ก็ไป เพราะโดนบังคับ
ปล.5 ขอให้เข้าใจตรงกัน
Categories: Entertainment

ซิมสันเดอะมูฟวี่บนจอใหญ่(ดิจิโตลด้วย) ฮากระจายไปจนถึงแซ็กโซโฟนบาร์ กับเพลงแจ๊ซที่จะทำให้คุณหัวแล่นและหัวหมุนติ้วเพราะเบียร์อาซาฮี

August 15, 2007 7 comments
 
สาดด ชื่อเรื่องยาวชิหาย
 
เริ่มจากการบอกเล่าพร่ำเพ้อว่าอยากดูซิมสัน
บวกกับอยากเจอไอ่บิ๊ก จะได้คุยเรื่องโปรเจคกัน
ก็เลยตกลงกันว่า จะไปดูซิมสันกันวันจันทร์
ขณะเดียวกัน ก็นัดต้อมไว้ว่าจะไปนั่งแซ็กโซโฟนกัน
ก็คิดไว้ว่า จะชวนต้อมมาดูหนังด้วยกัน
ไปๆ มาๆ ไอ่บิ๊กกะไอ่ต้อม มันก็นัดกันเองเรียบร้อย
 
อยู่กับไอ่สองตัวนี้ ทำให้วันทั้งวันมีแต่เรื่องฮาๆ
เริ่มฮาตั้งแต่ เดินไปหาต้อมแต่ไม่เจอ
เพราะบอกต้อมว่าจะรอ แต่กลับเดิน
ต้อมมันก็เดินเลยกันไป ทั้งๆ ที่อยู่ที่เดียวกัน
ถึงกับได้ยินสาวพริตตี้ใจลอย "น้องดาด้า" พูดผิด
จากเฉดสี เป็น "เฉดฉี" (แค่นี้ก็ฮากันได้ทั้งวันแล้ว)
 
พอจะไปดูหนัง ก็แวะเล่นเกมกันก่อน
เล่นเพลินไปหน่อย เกือบเข้าไปยืนในโรงไม่ทัน
พอหนังเริ่มฉาย ก็เริ่มฮากันอีกรอบ
หนังเขาฮาจริง ขำทั้งเรื่อง จนจบเครดิตแล้วยังขำอยู่เลย
 
พอออกมา ก็เจอเรื่องฮาอีก
เมื่อต้อมไปซื้อการ์ตูน แล้วได้ถุงลายถูกใจมา
เป็นถุงสีเหลือง… เขียนว่า "เรารักในหลวง"
เอ่อ…
กูไม่เกี่ยว
 
เสร็จแล้วเราก็มุ่งตรงไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิฝั่งวิคติรี่พอยท์เพื่อไปเยือนจุดหมาย
ร้านแซ็กโซโฟน
เจ๋งมาก ได้เจอพี่เล็กทีโบนตัวเป็นๆ
แล้วพวกเราก็สั่งเครื่องดื่มกัน
 
ต้อม: ขอชาเย็นครับ
เน: เอาอาซาฮีครับ
บิ๊ก: เป็นคนญี่ปุ่นหรอ?
เน: ไฮ่
บิ๊ก: เอาอาซาฮีเหมือนกันครับ
เน: เป็นคนญี่ปุ่นหรอ?
บิ๊ก: เออ…
 
มันจะเล่นมุกซ้ำทำไม !?
 
เอาล่ะ จบไปแล้วหนึ่งวัน ไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอกว่ามันฮาแค่ไหน
 
Categories: Entertainment

Alice Day in Bkk, what a great jazz singer !!!

August 12, 2007 2 comments
 
เมื่อคืนวาน ไปบาร์แจ๊ซ เดอะ ลิฟวิ่ง รูม ที่ โรงแรม เชอราตั้น แกรนด์
พบกับนักร้องแจ๊ซระดับโลก อลิซ เดย์
ที่ลงโฆษณาในบางกอกโพสต์บ่อยๆ อ่ะ
โดยมีวงทรีโอ(ระดับโลกเช่นกัน) เล่นเป็นแบ็คอัพ
 
ก็นะ ยากจะอธิบายความสุดยอดออกมาเป็นตัวหนังสือได้
 
 
ปล. อันนี้ไปก๊อปมาจากคอมเม้นท์ในบล๊อกไอ่บิ๊ก เห็นว่ามันฮา… จากปรุ๊กกรู่
 
คนนั่งข้างหน้า : เวิร์ลด์เทรดครับ
 
ปุ๊กกู่           : ว่อถูก(พวกเราขึ้นถูกคันกันแล้ว)
 
ไอ้ดุก         : ผิด!(ทำหน้าดุกๆ)
 
ปุ๊กกู่           : ว่อผิด(ต้องเซ็นทรัลเวิร์ลด์)
 
ไอ้ดุก         : ไปเซ็นทรัลเวิร์ลด์ครับ(คนข้างหน้าแม่งโง่)
 
ปุ๊กกู่           : ไปเหมือนกันครับ
 
รอดตีนมาได้ด้วยหน้าเถื่อนๆของแบล๊กเม 
Categories: Entertainment

Bangkok International Film Festival 2007

June 19, 2007 4 comments
 
เดือนหน้าคือเดือน กรกฎาคม
แล้วเราก็จะได้หยุดกันแล้ว
23 ก.ค. – 23 ส.ค.
หนึ่งเดือนเต็มกับกีฬามหาลัยโลก
เฮอะๆ ใครจะไปดูกีฬาวะ ไปเที่ยวดีกว่า
 
19-29 กรกฎาคม
ก็จะเป็นงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ ปี 2550
ช่วงสอบเสร็จและเริ่มเข้าวันหยุดพอดี
ใครว่างก็ไปหาหนังดีๆ ดูกันได้
 
(ผมเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของงานนี้เองล่ะ)
 
ไม่ได้มาใช้พื้นที่ตัวเองทำงานหรอก
แต่อยากแจ้งข่าว
 
แล้วไว้จะรายงานความคืบหน้าอีกที
 
 
ปล.เดี๋ยวเสร็จงานนี้ไปเที่ยวสักทริปดีกว่า
Categories: Entertainment

Me Myself

April 24, 2007 3 comments
 
ไปดูเรื่อง Me Myself มา
ชอบผู้กำกับ กะ คนเขียนบท
 
ชอบเพลงประกอบ(theme)
ชอบมุมกล้อง
ชอบโปรดักชั่น
ชอบแง่มุมการนำเสนอ
ชอบการแสดง
ชอบนางเอก
ชอบ…
 
แค่นี้ล่ะมั้ง…
 
ว่าแต่ไม่ได้ดูหนังโรงนาน
ลืมไปว่าแอร์มันเย็นนนนนนน
หนาวชิหาย
 
ปล.ถ้าไม่เข้าใจอาจจะคิดว่ามันจบห้วน แต่ผมว่าจบอย่างนี้แหล่ะ สุดยอดแล้ว
Categories: Entertainment

Music is my life

February 13, 2007 Leave a comment
 
วันพฤหัสบดี ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2550 นี้
ณ ลานอินเตอร์โซน มธ.ศูนย์รังสิต
เวลาพลบค่ำ
จะมีการแสดงดนตรีของกลุ่มศิลปินชื่อดัง
นามว่า
เน จอม มิน เป้ ต้อม โอ๊ต แอน อิ๋ม ปอม
ทั้งเก้าคนจะมาร่วมวงบรรเลงจังหวะแห่งชีวิต
พร้อมไปด้วยเสียงประสานของกระแสธารแห่งความสนุก
รับประกันด้านคุณภาพงานดนตรี ที่ไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว
(เล่นมั่ว แต่หน้าด้าน คงไม่มีอีกแล้ว)
ใครว่างก็มาชมกันได้ตามอัธยาศัย
 
คนที่อยู่ท่าพระจันทร์ เรามีรถรับส่งถึงรังสิต แต่ต้องขึ้นก่อน 6 โมงครึ่งนะ
 
ส่วนสถานที่จัดงานนั้น เรามีเสบียงพร้อม
เหล้ายาปลาปิ้ง พร้อมสรรพ กับเพื่อนพ้องชาวธรรมศาสตร์
 
มาชิลล์กันนะ พวกแก่ๆ ทั้งหลาย
เดี๋ยวแอ้เลี้ยงเบียร์
 
ปล.เซ็ง… จะเป็นอย่างนี้อีกนานมั้ย
 
ปลอท.ทำไมกูต้อง ปล. ทุกทีเลยวะ
 
ปลอล.ฤดูแห่งการสอบ และรายงาน มาเยือนแล้วว… จ๊ากก!!!
 
ปลขป.อยากไปเที่ยววุ้ย
 
ปลสท.อยากดูหนังเรื่อง rough มันออกเมื่อไหร่วะเนี่ย!?
Categories: Entertainment

ดนตรีมาราธอน

February 7, 2007 6 comments
 
จริงๆ ไม่มีอะไร แต่เห็นบล็อกมันรกร้างมาพอสมควร
เลยอยากทำให้มันรกมากขึ้น…
 
วันนี้ไปเรียนตามปกติ สายนิดหน่อย แต่ก็ยังปกติ
แต่เจอเดียร์แต่เช้า ผิดปกตินิดหน่อย
ปกติจะเจอกันตอน 11 โมง แล้วเจ๊ก็จะเข้าห้องสายครึ่งชั่วโมงทุกครั้ง
แต่วันนี้เจอกันตั้งแต่ 9 โมงครึ่ง ถึงกระนั้น เจ๊ก็เข้าห้องสายครึ่งชั่วโมงอีกครั้ง
 
พรุ่งนี้สอบ Western School ของ อ.อู่ทอง
เอาไปอ่านในห้องเรียน 120 ดีกว่า
อ่านไป 2 หน้า…
zzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzzz
อ่าว! หมดคาบแล้วหรอ ยังอ่านไม่จบเลยอ่า…
 
นั่งชิลล์ที่โรงกลางกะเป้ และก็ไอ้แบงค์(น้องทัต) 
เจอไอ้จอม แล้วแอ้ก็ตามมาสมทบ
 
แล้วก็คุยๆ กัน
 
คุยกะเป้ว่า เมื่อวันศุกร์-เสาร์ เป็นวันที่ดูดนตรีได้มาราธอนมากๆ
เริ่มจากนั่งเล่นกีต้าร์ ชิลล์อยู่ริมน้ำ ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ตกกลางคืนไปบริกบาร์กันต่อ
เช้าวันเสาร์
ดูไอ้อุ้ยร้องเพลงตั้งแต่เช้า ฮากันไป
พอตอนบ่าย ต้องขึ้นเอง แล้วไอ้ต้อมไม่มา
โอชิท กูต้องร้องเอง จริงๆ ก็พอไหว แต่เผอิญ เพิ่งดูดปุ๊นมาเมื่อคืน
คอแห้งสุดๆ เพี้ยนระนาว กว่าจะเข้าคีย์ได้แต่ละเพลง ก็ท่อนฮุกนู่นแน่ะ
ทนไม่ไหว เอาไอ้อุ้ยมาร้องอีกดีกว่า
หลังจากนั้น ก็เป็นวงดนตรีนักศึกษา BE โอ่ยย เล่นห่วย
saliva bastard ดีกว่า เจ๋งๆ ชอบๆ
rest room วงของไอ้กวาง น้องผมเอง รุ่นน้องจาก รร.เตรียมอุดมฯ
เจ๋งมากๆ เยี่ยมๆ ไว้จะเรียกใช้บริการอีก
เย็นๆ ก็ไปชิลล์ต่อที่สวนสันติฯ พา เม  กะ พีช ไปด้วย
ไปดูงาน AP หรือ acoustic party
ได้ดูทั้ง ดนตรี แอโรบิก กายกรรม แล้วก็ ดนตรีอีกที
แถมได้ดูโชว์ของ folk song ด้วย… โอ่ (อย่าพูดถึงจะดีกว่ามั้ง)
เสร็จแล้วไปหา เอ แอน ปอ ที่ตรอกข้าวสาร ก็ได้ดูดนตรีอีก
(ไม่กินเหล้าแล้ว กินติดกันมา 3 วันแล้ว)
 
เออ…จบ
Categories: Entertainment

เรามาสนุกสนานเฮฮา กับดนตรีแนวสกา กันที่บริกบาร์ ชิลล์กันๆ ลาลาลา

October 30, 2006 2 comments
เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา
ผมได้ไปเยี่ยมถิ่มเก่าที่ไม่เคยคิดจะจากลา
ตรอกข้าวสาร…ร้านบริกบาร์
เพิ่มไปชมดนตรีสดแนวสกา
เฮฮา เฮฮา
ฮึ่ย ฮึ่ย ฮึ่ย ฮึ่ย
 
ด้วยความเมากำลังได้ที่ แม้เพื่อนๆ จะกลับไปกันหมด แต่ผมก็ยังอยู่ต่อ
พอดีมีสาวๆ มาร่วมโต๊ะด้วย น่ารักเชียวหล่ะ แต่เนื่องจากสติไม่สมประกอบ จึงพลาดการเนียนไปเลย
ยังเสียดายอยู่เลย
แต่ก็ยังพอเนียนชวนเธอเต้นไปตามจังหวะได้ เอาวะ…น่ารักดี
 
อยากให้เพื่อนๆ น้องๆ ได้ลองสัมผัสบรรยากาศที่บริกบาร์
ลงดนตรีชิลล์ๆ 3 วง
เมื่อวันศุกร์ วงแรกจะเป็นแนว soul funky disco อะไรเทือกๆ นั้น
เป็นดนตรีที่มีเมโลดี้กระชากอารมณ์ จังหวะชวนขยับแขนขา
วงที่สอง วง zo what ที่มีนักร้องนำสุดน่ารัก พี่ออม นั่นเอง
คนนี้เธอมาแบบ ชมพูทั้งตัว ขนาดไมค์ยังสีชมพูเลย (โอ๊ะอย่าคิดลึกไปมากกว่านั้นนะ)
วงนี้ ชิลล์ๆ แนวละติน แจ๊ซ สกาเล็กน้อย เร็กเก้อีกหน่อย
มาถึงวงสุดท้ายกันดีว่า วงที่ทุกคนรอคอย
มือ percussion ก็คือ พี่โอ้ big brother นั่นเอง
เป็นแนว สกา โดยกำเนิด มีไวโอลีนช่วยเพิ่มสีสันด้วย
สนุกสนานมากๆ เลยครับ วงนี้
ดิ้นกันสบัด จนถึง ตี 1 ครึ่ง อ่าว มันเกินเวลานี่ว่า แต่นักดนตรีบอกว่า "โนสนน่ะ"
 
 
ปล. พรุ่งนี้จะออกเดินทางไปปากช่อง เพื่อเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
เป็นโครงการที่คิดมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว
ว่าหากชีวิตนี้ไม่สิ้น ต้องดิ้นกันไป ท่องทั่วประเทศให้ได้
โครงการท่องเที่ยวทั่วไทย หรือเรียกย่อๆ ว่า ททท.
ใครสนใจร่วมโครงการกับผมได้นะครับ
โดยจะเน้นไปที่ การท่องธรรมชาติ
ชมนก ชมไม้
เดินป่า โดดน้ำตก
ดำน้ำ ปีนเขา
ท่องประวัติศาสตร์
โบราณคดี
ไปปราสาทเผื่อระลึกชาติ
เอาเป็นว่า ท่องเที่ยวทุกรูปแบบ เดินทางแบบ backpacker
ครั้งนี้ เป็นครั้งแรก เปิดตัวด้วย เขาใหญ่ ปากช่อง
 
โครงการ ท่องทั่วประเทศ ครั้งที่ 1 — ปากช่อง เขาใหญ่
 
ปล.2
ทำไมปล. มันยาวจังวะ
Categories: Entertainment