สิ่งที่ อยาก/ต้อง ทำ/เริ่มทำ ในปีกระเถาะ 2554 นี้

January 4, 2011 2 comments

รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บ้าโปรเจ็ก
บ้าแต่โปรเจ็กจริงๆ ไม่ได้ลงมือทำจนสำเร็จสักอย่าง -*-
แต่อย่างน้อยก็รู้สึกดีที่ได้เริ่มทำ…

ไม่อยากพูดถึงโปรเจ็กเก่าๆ ที่เคยคิดไว้ เคยเริ่มไว้ และยังไม่เสร็จสักอัน
เพราะก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ เมื่อมีโอกาส
ก็อย่างว่าล่ะนะ ความคิดแต่ละอย่าง เกินตัวทั้งนั้น
ไอ่เราก็เป็นปุถุชนหาเช้ากินค่ำดื่มดึกธรรมดาๆ
จะเอาเวลาและสินทรัพย์ที่ไหนมาแปลงเป็นทุนสนับสนุนกิจกรรมสร้างสรรค์ได้
มันก็เสียสละทรัพย์สินส่วนตัวล้วนๆ ทั้งพลังกาย พลังใจ อาหาร ของใช้ และเวลา

แต่โปรเจ็กใหม่นี้ ก็เป็นเรื่องที่ต้องจริงจังกับมันมากๆ
เพราะเกี่ยวข้องกับการพัฒนาตัวเองโดยตรง
นั่นคือ…
1. เรียนต่อปริญญาโท (ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะลงเอยที่สาขาไหนดี)
2. อ่านหนังสือให้จบหลักสูตรที่วางระบบขึ้นมาเอง (สายมนุษย์ศาสตร์ล้วนๆ)
ถ้าเทียบจริงๆ คืออยากเรียนปริญญาตรีเก็บความรู้เยอะๆ อีกหลายใบ
แต่ถ้าลงเรียนจริงๆ คงเสียเวลาไม่น้อย สู้วางระบบหลักสูตรเอาเอง
สร้างรายการหนังสือเอาเอง แล้วตามอ่านให้ครบ น่าจะสนุกกว่า (เหมือนเล่นเกม RPG)
3. เขียน pocket book เป็นสารคดีท่องเที่ยวตามแบบที่ถนัด
คือการเล่าเรื่องเกร็ดประวัติศาสตร์ ตำนาน นิทาน เรื่องเล่าน่าสนใจต่างๆ
ที่แฝงอยู่ตามสถานที่ ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่ติดอันดับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
4. ทำเว็บ (อีกแล้ว อันเก่าเว็บท่องเที่ยวก็ยังไม่เสร็จซะที เพราะ host ล่มมาหลายเจ้า —
ใช้ของฟรีก็งี้แหละนะ)
คราวนี้เป็นเว็บส่วนตัว ที่จะรีวิวทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็น
ภาพยนตร์ หนังสือ เพลง เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในบ้าน ฯลฯ ซึ่งก็บอกยากว่า
เนื้อหาจะออกมาเป็นแนวไหน เอาเป็นว่า ก็รอดูชมเอา

เท่านี้แหละ…

พอมีเวลา ก็ไม่รู้จะเขียนอะไรแฮะ

December 27, 2010 1 comment

ตั้งแต่ windows live space ล้มเลิกกิจการ
จนผมต้องย้ายที่ทำงานมาอยู่กับ wordpress
blog เล็กๆ อันนี้ก็ไม่ได้รับการสนใจจากผมสักเท่าไร

ไม่รู้สมาชิกเดิมๆ ที่เคยติดตามแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นจะยังสามารถติดต่อกันได้โดยง่ายแบบเมื่อครั้ง windows live space ยังรุ่งเรืองหรือไม่ ระบบอัพเดทและเครือข่ายจะเหมือนเดิมมั้ย
ถ้าไม่… ก็คงเหงาน่าดูชมเลยล่ะ

อย่างที่ทราบกันดีว่า ตอนนี้ผมต้องมารับราชการทหารตามหน้าที่
อย่างไม่สามารถหนีหน้าไปไหนได้ ไม่งั้นจะติดคุกเอา
ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้ไม่อยากเป็นหรอกนะ

ทีนี้พอเข้ามาแล้วก็มีอะไรหลายอย่างไม่เหมือนที่คิดไว้
ที่คิดไว้คือ ต้องได้รับการฝึกหนัก ซ้อมรบ ยิงปืนเปรี้ยงปร้าง
เอาเข้าจริงก็ฝึกแค่พอให้รู้ระเบียบวินัยทหาร คงเพราะที่นี่ไม่ใช่หน่วยรบแนวหน้ากระมัง

พอฝึกเสร็จเขาก็จับมาทำงานตามความรู้ความสามารถ
คนที่จบปริญญาตรีก็จะได้รับคัดเลือกให้มาทำงานในส่วนสำนักงานผู้บังคับบัญชา
แต่งานก็ไม่มีอะไร ทำความสะอาด ล้างจาน ชงกาแฟ เสิร์ฟอาหาร
ซึ่งในมหาวิทยาลัยไม่มีสอน แล้วจะเอาคนจบ ป.ตรี ทำไม
แต่ก็น่าจะเป็นเพราะความพึงพอใจของผู้บังคับบัญชา
ที่ต้องการคนที่มันคุยรู้เรื่องหน่อย ไม่มึน ไม่ซื่อ(บื้อ)

ทีนี้ ผมไม่ได้จบ ป.ตรี ธรรมดา แต่จบ ธรรมศาสตร์ ซึ่งก็เป็นที่ฮือฮากันมากในกรมฯ
(ไอ้ตัวเราเองอะ เฉยๆ ถ้าไม่มีใครถามก็ไม่อยากจะบอกหรอกว่าจบอะไรมาจากที่ไหน อยากทำตัวสบายๆ เรื่อยๆ อย่างคนอื่นเขา)
แล้วยังผ่านการทำงานมาแล้วหลากหลายรูปแบบ
ก็เลยโดนจับมาทำงานหน้าคอมฯ
พิมพ์เอกสาร ช่วยร่างหนังสือ ตรวจนู่นนี่นั่น และโครงการพิเศษอื่นๆมากมายที่บอกไม่ได้ แต่เป็นงานใหญ่ (มันเป็นความลับทางราชการ ฮ่ะๆ)

ทีนี้ก็งานเข้าชุดใหญ่เลย เลิกงานก็ดึก แถมยังต้องตื่นตี 5 พร้อมคนอื่น
หนักกว่าเข้าเวรอีกนะเนี่ย…

ผ่านไปสองเดือนกว่า ก็ปรับตัวได้บ้าง เริ่มได้สิทธิพิเศษบ้าง (แต่ไม่เคยเรียกร้อง เขายื่นให้เอง) ก็เลยมีเวลาพักมากขึ้น

แล้วพอมีเวลาพอที่จะมานั่งอัพบล๊อก กลับหัวตื้อไปหมด
ทั้งๆ ที่มีเรื่องจะเล่ามากมาย
เมื่อครั้งไม่ค่อยมีเวลา หรือไม่มีโอกาส ก็จดๆๆ ไว้
ทั้งไอเดีย ทั้งหัวข้อ แต่ด้วยความใส่ใจอันน้อยนิด
เมื่อเอากลับมาดูอีกทีก็ลืมไปแล้วว่า แต่ละเรื่องนั้นผมต้องการจะเขียนมันออกมายังไงกันนะ

คงต้องใช้เวลาเรียบเรียง จัดสรรระเบียบทางความคิดและตัวอักษรกันสักพักล่ะนะ

แล้วเจอกันใหม่ (เมื่อชาติไม่ต้องการ)

Windows Live Spaces เข้ายากเข้าเย็น

August 27, 2010 7 comments
ไม่ได้ log in เข้า account ของ windows live ผ่านทางคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมานาน
ที่ผ่านมาเช็คเมล์ผ่านทางโทรศัพท์พกพา หรือที่รู้จักกันในนาม "มือถือ"
ซึ่งก็ไม่ใช่มือถือธรรมดาหากแต่เป็น smart phone อันมีความหมายว่า
"โทรศัพท์แสนฉลาด" (ที่ทำให้ผู้ใช้ดูโง่)
 
รู้ว่าฉลาด แต่อย่ามาอวดฉลาดกับกูได้มั้ย -*-
 
หลังจากห่างหายไปนาน กลับมาก็พบกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
กับ hotmail หน้าตาใหม่ที่ทาง microsoft เขาบอกว่าไฉไลกว่าเดิม
สวยกว่า เร็วกว่า ทำงานได้กว้างกว่า เชื่องต่อและเชื่อมโยงได้ดีกว่า
ก็ลองเข้าไปอ่านศึกษาดู… ผลคือ… ก็งั้นๆ แหละ -*-
แถมที่น่าหงุดหงิดก็คือ SPACES ที่กระผมเข้าเป็นประจำเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว
ประสบการณ์ชีวิต มันหายไปไหน
อ๊ะ มีปุ่ม space อยู่ (แต่ไม่มี s ต่อท้าย) ลองกดดูซิ
โหลดหน้าไม่ขึ้น
จ๊ากกกก!!! สเปซกูหายไปหนายยยยย
ก็เลยลองเข้าแบบแมนนวลดูผ่านทาง negapong.spaces.live.com
อา… ในที่สุดมันก็มา แต่…
ทีนี้เวลาจะเข้าสเปซต้องเข้าผ่านทางนี้ตลอดเลยหรือไงนะ

สายน้ำกับผืนดินไม่ได้บรรจบกันที่ทะเล

July 17, 2010 5 comments

ผ่านพ้นมาแล้วกับช่วงเวลาของการฝึกทหารใหม่เป็นเวลา 2 เดือนกับอีก 1 สัปดาห์
หรือประมาณ 10 สัปดาห์ (68 วัน)
ออกจากกรมฯ มาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.
กลับบ้านด้วยความมึนเบลอ ทั้งๆ ที่มีอะไรอยากทำและต้องทำเยอะแยะไปหมด
แต่พอถึงเวลากลับนึกไม่ออก เรียบเรียงไม่ถูก และไม่ค่อยอยากทำอะไรเลย

“อยากทำจนไม่อยากทำ”

ก็เลยนอนอยู่บ้าน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเน็ต นึกอะไรไม่ออก
อยากทำอะไรค่อยทำเดี๋ยวนั้น
ผมเองก็เป็นประเภทถ้านึกอยากทำอะไรต้องลงมือทำทันที
แต่ตอนอยู่ในกรมฯ มันทำไม่ได้
พอถึงเวลาได้อยู่บ้าน ความรู้สึกและความนึกคิดที่จะทำเรื่องนั้นๆ ที่คิดไว้และจดไว้
มันก็ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน – -“
แถมยังปรับตัวไม่ค่อยได้ ยังมีความรู้สึกเหมือน culture shock อยู่

มึนๆ เบลอๆ

คำขวัญที่ใช้กันในกรมฯ ว่า “นิ่งหลับ ขยับแดก แยกหลง ตื่นมางงๆ ที่นี่ที่ไหน”
พอมาถึงบ้านก็ยังคงใช้ได้อยู่

แม้เมื่อวันที่ 8 ก.ค. จะได้ออกไปข้างนอก (งานรับปริญญารุ่นพี่ที่จุฬาฯ)
ก็ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไร เพราะความวุ่นวายในสังคมเมืองมันทำให้ผมรำคาญมากกว่า

ด้วยเหตุข้างต้น จึงจำเป็นต้องมีกิจกรรมบางอย่าง
เพื่อปรับสภาพร่างการ จิตใจ และหัวสมอง
ให้กลับมาเป็นอย่างเดิม

กิจกรรมที่ว่าก็ไม่พ้นการออกเดินทางท่องเที่ยว
ในเมืองอยู่ที่บ้านมันไม่มีอารมณ์มานั่งจัดระเบียบสมองเท่าไร
ก็เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งๆ นอนๆ บนแพกลางเขื่อนซะเลย

วันแรกที่มาถึงก็ประทับใจกับบรรยากาศ ภาพทิวทัศน์โดยรอบ
อากาศที่เย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนและจัดระเบียบความคิดยิ่งนัก
มุมสงบๆ ท่ามกลางขุนเขาและสายน้ำ หลีกหนีความวุ่นวายและจำเจ
อา… โลกอันกว้างใหญ่

(ผ่านไปสองชั่วโมง)

เริ่มพอที่จะจัดระเบียบสมองและความคิดได้บ้างแล้ว
เหลือแต่ต้องสร้างอารมณ์เพื่อลงมือทำ
เพราะบางอย่างต้องใช้อารมณ์มากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะงานสร้างสรรค์ต่างๆ

บรรยากาศบนแพนอนท่ามกลางสายน้ำและขุนเขา ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าหลงใหล
เป็นมุมสงบที่มีเสน่ห์อันเรียบง่าย
อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนหรือปรับอารมณ์เพื่อสร้างสรรค์ผลงานยิ่งนัก
โดยเฉพาะงานเขียนที่ใช้อุปกรณ์ง่ายๆ เพียงดินสอกับกระดาษเท่านั้น
ยิ่งวันธรรมดาไม่ค่อยมีคนอย่างนี้ ช่างดีเสียจริง
มันคือากรหลบหนีจากสังคมเมืองอันวุ่นวายโดยแท้

Categories: Uncategorized

ทหารเกณฑ์รอรัก

April 30, 2010 4 comments

พรุ่งนี้ (1 พ.ค. 53) ต้องไปเข้าค่ายแล้ว
ค่ายบ้าอะไรไม่รู้ให้ไปตั้งสองเดือน
มันคือค่ายทหาร !!!
ไปฝึกทหารใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมไปเป็นทหารกองประจำการ
เอาให้เข้าใจง่ายๆ ว่าไปเป็นทหารเกณฑ์

ทีแรกตั้งใจว่าอาทิตย์สุดท้ายแห่งชีวิตอิสระของคนตกงาน
จะว่างๆ กินๆ นอนๆ ดูหนัง อ่านหนังสือ สบายๆ
แต่ที่ไหนได้ งานเยอะโคตร!!!
พอเห็นว่าเราจะไม่ว่างแล้ว ก็เลยรีบโยนงานมาใหญ่เลย
(ส่วนใหญ่เป็นงานแปลกับเขียนบทความ)
ก็ตรากตรำทำงานไป ได้เงินบ้างไม่ได้บ้างตามแต่กำลังศรัทธา
ทำจนถึงวันสุดท้าย ก็ยังเหลืออีกสองชิ้น

ออกแบบโลโก้ กับ ออกแบบโลโก้
มันคืองานของเจ้าเดียวกันแต่มีสองชิ้นน่ะ

ไม่มีเวลาทำงานตัวเองเลยให้ตายสิ
จนแล้วจนรอดก็เขียนบทความลงหน้าเว็บไม่เสร็จ (-*-)

เข้าเรื่องดีกว่า
รู้สึกตื่นเต้นเพราะไม่รู้จะไปเจออะไรบ้าง
รู้แต่ว่ามันต้องบ้าๆ บอๆ แบบสุดขั้วแน่แท้

อา… พอเอาเข้าจริงก็ไม่รู้จะเขียนอะไรดี

ต้องหายไปในกลีบเมฆประมาณสองเดือนเลยนะ
สองเดือนที่จะไม่มีการติดต่อใดๆ
เขาห้ามทหารใหม่พกมือถือกับเงินสดน่ะ
สงสัยกลัวทหารหนีกลับบ้าน ฮาๆ

ของใช้ส่วนตัวก็ไม่ต้องเอาอะไรไปเลย
เขามีให้หมด แม้แต่กางเกงใน
หวังว่าคงไม่เอาของเก่ามาให้กูใช้นะ

จะไปฝึกที่ค่ายไหนก็ยังไม่รู้เลย
แต่ภาวนาขอที่ที่ไม่ร้อนได้มั้ย (จะมีมั้ยล่ะ ในเมืองไทย)

จบ ดื้อๆ

Categories: Uncategorized

บรรยากาศการนอนที่หวนคำนึง

April 21, 2010 12 comments

นอนคนเดียวมาเนิ่นนาน จนทำให้ลืมไปว่า ผมเองนั้นคุ้นเคยและปรารถนาการนอนในห้องใหญ่
มีคนอยู่พอประมาณ ซึ่งต้องเป็นคนใกล้ชิดสนิทชิดเชื้อพอสมควร
ง่ายที่สุดก็สมาชิกในครอบครัว ทั้งครอบครัวจริงๆ และครอบครัวสมมติ (ไม่ใช่เล่น “พ่อแม่ลูก” นะ หมายถึงพวกน้องๆ)
รองลงมาก็เหล่าเพื่อนสนิทมิตรสหาย รวมไปถึงคนรัก (ถ้ามี)
จำกัดสมาชิกไว้แค่นี้เท่านั้น บุคคลนอกเหนือจากนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับบุคลิกของแต่ละคนไป
คือไม่งั้นก็จะกลายเป็นความอึดอัดแทน

การได้อยู่ในห้องนอนด้วยกัน เล่นด้วยกัน หรือต่างคนต่างทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ
อ่านหนังสือ เล่นเกม ฟังเพลง เขียนไดอารี่ ดูทีวี พูดคุย
และผมเองก็จะจัดแจงพื้นที่ส่วนตัวเป็นมุมเล็กๆ ที่ดูอบอุ่นด้วยหมอนและผ้าห่มจำนวนมหาศาล
และก็ยังเล่นกันบ้าง แต่ไม่เอะอะโวยวายมากเกินไป ไม่กินเหล้าเมามาย หรือเล่นไพ่ไม่หยุดหย่อน
เพราะมันคือบรรยากาศการนอน เป็นเวลาเตรียมตัวพร้อมจะนอนเท่านั้น

ล่าสุด เนื่องจากสภาพว่างงาน ประกอบกับเป็นช่วงสงกรานต์
ซึ่งบ้านผมทำธุรกิจท่องเที่ยว ก็ต้องไม่ว่างกันอยู่แล้ว
ผมจึงรับหน้าที่เฝ้าบ้าน ดูแลน้องที่ไม่ได้ไปไหนเช่นกัน
ด้วยความประหยัด ก็เลยย้ายข้าวของ (โดยเฉพาะหมอนกับผ้าห่ม) ไปนอนห้องแม่รวมกับเด็กเวรทั้งสองตัว
แล้วผมก็ยึดมุม เอาฟูกมาปู เอาหมอนและผ้าห่มมากองพะเนิน ชวนให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก (ทำไปโดยสัญชาติญาณ)
น้องสองคนก็ยังบอกว่าเลยว่า “ทำอะไรเป็นเด็กๆ ไปได้”
และวินาทีนั้นเอง ผมอ่านการ์ตูน น้องสาวเล่นเกม น้องชายนอนฟังเพลง และก็ยังเล่นกันอยู่ไม่ขาดสาย
บางสิ่งบางอย่างก็คุกรุ่นขึ้นมาในความทรงจำ แล้วผมก็นึกออกว่า…
นี่คือบรรยากาศการนอนที่ผมเฝ้าใฝ่ฝัน คิดถึง และถวิลหามาตลอดนั่นเอง
ผมก็เลยมานั่งนึกถึงบรรยากาศการนอนที่เคยสัมผัสเมื่อครั้งอดีต

เพราะตอนเด็กๆ ผมจะนอนรวมให้ห้องใหญ่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว
เป็นวัยที่ยังไม่ได้ต้องการ หรือยังไม่มีความคิด ถึงเรื่องเวลาและพื้นที่ส่วนตัวเท่าไรนัก
(แต่ก็ยังหอบหมอนและผ้าห่มมาสร้างอาณาจักรส่วนตัว)
การได้อยู่ด้วยกันในห้องนอน มันเป็นอะไรที่รู้สึกสนุกสนานและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ถึงจะมีโลกส่วนตัวบ้างบางเวลา ประเภทหาอะไรเล่นอยู่คนเดียว แต่บรรยากาศมันช่างน่าหลงใหล

พอโตขึ้นมาช่วงปลายชั้นประถมก็ได้แยกห้อง แต่ยังต้องอยู่กับพี่ชาย
ก็ยังพอได้สัมผัสบรรยากาศนั้นอยู่บ้าง คนมันไม่เยอะพอ แถมบางทีก็ทะเลาะกันอีก

พอช่วงมัธยมปลาย ได้อยู่คอนโดกับเพื่อนๆ บ้าง บรรยากาศนั้นก็กลับมาแบบเต็มๆ
ต่างคนก็เล่นเกม อ่านหนังสือ อ่านการ์ตูน ฟังเพลง เล่นด้วยกัน ถึงเวลาก็นอน
นอกจากนี้ ยังรู้สึกสนุกสนานกับชีวิตคอนโดในเมืองใหญ่เป็นตัวแถมด้วย
แต่เสียตรงที่ไม่มีมุมที่ผมจะสร้างอาณาจักรตัวเองได้เนี่ยสิ…

พอขึ้นระดับมหาวิทยาลัย แม้จะได้อยู่หอกับเพื่อนๆ ทั้งคนยังเยอะแยะได้ใจ
แต่บางครั้งก็ไม่มีบรรยากาศแบบนั้นอยู่ (มีบ้างแต่ก็ไม่บ่อยครั้ง และยังไม่ถูกใจ)
อาจเป็นเพราะพวกเราโตขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่ มีความรับผิดชอบมาแทรกแซง
หรือเพราะต้องการความเป็นส่วนตัวมากกว่าเดิม เพราะความไม่สนิทใจเท่าที่ควรก็เป็นได้

พอขึ้นปี 3 ก็กลับมาอยู่บ้านซึ่งบ้านที่อยู่ก็เป็นบ้านใหม่
ทำให้ผมมีห้องส่วนตัว นอนคนเดียว (จริงๆ ขึ้นบ้านใหม่ตั้งแต่ปี 1 เพียงแต่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่านั้นเอง)
บรรยากาศแบบนั้น ก็ไม่กลับมาอีกเลย

จนเรียนจบมาเป็นวัยทำงาน ทีนี้ด้วยความที่สนิทกับรุ่นน้องมากมายห่างรุ่นกันหลายปี
ก็มีโอกาสได้กลับไปใช้ชีวิตแบบอยู่ไปวันๆ ในช่วงที่ตกงาน ที่หอรุ่นน้อง
ก็ทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะทำให้คิดถึงสมัยเรียน
แต่ที่ผมเพิ่งรู้ถึงส่วนสำคัญที่ชีวิตได้ทำหล่นหายไป นั่นคือบรรยากาศการนอนนั่นเอง
เพราะห้องที่ไปอยู่ ก็เป็นน้องที่สนิทกันมาก กับเพื่อนสนิทมากอีกสองคนก็ไปแจม
แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ในห้องนั้นแบบไม่ทำอะไร หิวก็กิน เบื่อก็ดูทีวี อ่านการ์ตูน หาอะไรทำ
เป็นอารมณ์ที่ใกล้เคียงบรรยากาศที่ว่าทึ่สุดแล้ว

อา… อยากได้บบรรยากาศแบบนี้ตลอดไป เหมือนที่หลายคนชอบพูดว่า อยากเป็นเด็กไปตลอด

ปล. แม่และพี่ชายกลับมาแล้ว ก็เลยต้องย้ายกลับไปนอนห้องตัวเองเหมือนเดิม

Categories: Uncategorized

บ้าพลังด้วยการไปเป็นทหาร

April 9, 2010 6 comments

หลังจากเมื่อวานไปเกณฑ์ทหารมา
ผลปรากฏว่า… “ทหารบก ผลัดหนึ่ง”
หมายความว่า วันที่ 1 พฤษภาคม 2553 นี้ ผมจะต้องไปฝึกทหารเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือน
และเข้ารับราชการทหารกองประจำการทหารบกอีก 10 เดือน
รวม 1 ปีพอดีดับ

เดือนนี้ก็จะเป็นเดือนสุดท้ายสำหรับชีวิตชนชั้นกลาง
ต่อไปจะต้องไปเป็นกองกำลังป้องกันประเทศชาติ (เอาซะเว่อ)

ผมก็ไม่คิดอะไรมากกับการต้องไปเป็นทหาร
กลับอยากเป็นซะอีก ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ไม่เรียน รด. กับชาวบ้านเขาเมื่อสมัยม.ปลาย
และด้วยความที่บ้าพลังแบบสุดขั้ว ชอบหนังแอ๊คชั่น สงคราม สายลับ สืบสวน
ที่ชอบไม่ใช่เพราะเท่ แต่ลองคิดดูว่า พระเอก (บางเรื่องก็ตัวโกง) แม่งเก่งชิบหาย
คนเราจะเก่งขนาดนั้นได้ มันจะต้องผ่านการฝึกแบบไหนมานะ
ถ้ามีโอกาสก็อยากได้รับการฝึกขั้นเทพแบบนั้นบ้าง

แน่นอนการฝึกทหารเกณฑ์ธรรมดาๆ คงไม่ถึงขนาดจะทำให้เราเป็นพระเจ้าได้
แต่อย่างน้อยก็ใกล้เคียงล่ะนะ แตะๆ สักนิดก็ยังดี
ด้วยความที่ผมเองขาดวินัยในตัวอย่างมาก แถมด้วยความขี้เกียจภายในอีกสุดประมาณ
ก็เลยทำให้ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไร ทั้งๆ ที่บ้าพลัง อยากแข็งแกร่ง
ถ้ามีสถานการณ์บังคับ หรือมีครูฝึกน่ากลัวๆ ก็คงจะช่วยอะไรได้เยอะ

ตอนไปเรียนคาราเต้ ก็เรียนได้ 2 ปี แถมขาดบ่อย ไปบ้างไม่ไปบ้างแล้วแต่อารมณ์
แต่ก็เป็นช่วงที่ฟิตแอนด์เฟิร์มที่สุดแล้ว อยากได้ร่างกายแบบนั้นคืนมา
เอาซิกซ์แพ็คคืนมา!!! อะไรแบบนั้น…

พอถึงเวลาที่ตัวเองต้องไปเป็นทหาร ก็ต้องลองหาข้อมูลกันหน่อย
แต่ผลคือ ไม่ค่อยมีข้อมูลที่มัน practical เท่าไร
ส่วนใหญ่จะเจอแต่ระเบียบการเกณฑ์ทหาร ขั้นตอน กฎหมาย
ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ได้สำหรับคนที่ต้องการจะเตรียมตัวไปฝึกทหาร
ค้นไปค้นมา ก็เจอบ้าง แต่จะเป็นแบบอยู่ในหลืบของเว็บประมูล (แหล่งรวมคนเมพ)
ซึ่งมันยากลำบากต่อการติดตามหรือรวบรวมข้อมูล
ก็เลยเกิดความคิดว่า เขียนเองแม่งเลย

http://dorylinae.blogspot.com

(Dorylinae ชื่อบล๊อก แปลว่ากองกำลังทหารมด)

Categories: Uncategorized

เศษบันทึกนิรนาม วันศุกร์ที่ 8 เมษายน ไม่ระบุปี

April 6, 2010 Leave a comment

จิตใจห่อเหี่ยว
กลางวันอันเปล่าเปลี่ยว
เมื่อเช้าอากาศสดใส
แต่ตอนบ่ายใยฝนตก
…โอ้เจ้าดินฟ้าอากาศ…
เจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้าได้ด้วยหรือ
คืนวันอันสดใสที่ข้าเคยมีนั้น… จะกลายเป็นเพียงความทรงจำ
เธอจากไปโดยไม่บอกลาข้าสักคำ

อากาศวันนี้ช่างเงียบเสียจริง
หรือเป็นเพราะหูข้าสูญเสียการได้ยินไปแล้ว
ตาข้าเริ่มพร่ามัว เพราะข้ากำลังมองสิ่งซึ่งข้าไม่เคยมองมันมาก่อน
ช่างแสบตายิ่งนัก

เหตุใดความเป็นจริงจะต้องเจ็บปวดและมักเป็นแบบนี้เสมอ
ความสดใสหาได้เพียงในความฝันเท่านั้นหรือ?

ในเมื่อความเป็นจริงมันเจ็บปวด แล้วจะให้ทำเช่นไร
ความจริงก็คือความจริง เราควรยอมรับมัน
เมื่อเราปรับตัวได้ ความเจ็บปวดมันก็จะค่อยๆ จางไป
ที่จริงมันไม่ได้หายไปไหนหรอก
เป็นความชาชินต่างหาก ที่เข้ามาแทนที่

ช่วงเวลาสั้นๆ ที่คนเรามีความรัก มันดูมีความหมายยิ่งกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ซึ่งยาวนานกว่าหลายเท่าเสียอีก
มันทำให้เกิดความรู้สึกที่หลากหลาย…
พบกับความสดใส น่ารัก เพราะเธอ
พบกับความสับสนวุ่นวายในใจ เพราะเธอ
พบกับความฝัน เพราะเธอ
พบกับความจริง เพราะเธอ
และพบกับความเจ็บปวด ก็เพราะเธอ

ว่าด้วยเรื่องเว็บไซต์ (อีกแล้ว)

March 30, 2010 1 comment
โปรเจ็กเว็บไซต์ที่ทำไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพิ่งมาเป็นรูปเป็นร่างใกล้เสร็จสมบูรณ์เอาปีนี้
ผ่านไปหนึ่งปีกว่าแล้วสินะ นับแต่วันที่เริ่มทำ

สาเหตุที่หยุดทำไปชั่วคราวก็เพราะว่าได้งานประจำทำในตำแหน่งนักแปลเอกสาร
ทีแรกก็ว่าดี เพราะท่าทางจะมีเวลาส่วนตัวเยอะ  เงินเดือนก็ไม่ขี้เหร่ ก็เลยทำๆ ไปก่อน
แต่แล้ว… มันก็นะ ไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะต้องมาทำหน้าที่อื่นด้วยเพราะทนไม่ไหวที่ต้องมาหงุดหงิดกับความงี่เง่าของผู้ร่วมงาน
สุดท้ายก็งานเข้าจนได้… ก็เลยเหนื่อยและไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเท่าไร และเริ่มรู้สึกว่าเงินเดือนน้อยไปรึป่าว
ทั้งๆ ที่ปกติไม่ได้เป็นคนที่ทำงานหวังเงินเดือนสูงๆ เลย แค่พอมีใช้แบบไม่ติดขัดก็พอแล้ว
การทำงานประจำ เจอผู้ร่วมงานห่วยๆ นี่มันทำให้ชีวิตอับเฉาและสูญเสียพลังไปเยอะพอสมควร
อารมณ์สันโดษและความคิดสร้างสรรค์ก็หายหมด ทำให้ไม่มีเวลามานั่งคิดนั่งทำอะไรของตัวเองเลย

เว็บไซต์ดังกล่าวก็เลยต้องหยุดพักไปด้วยเหตุฉะนี้

แต่ตอนนี้ มันกลับมาแล้ว…
หลังจากลาออกมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ เพราะบริษัทแม่งไม่จ่ายเงินเดือน
สามเดือนเลยนะ ไม่ใช่น้อยๆ เลย ผลัดแล้วผลัดอีก จนรำคาญทนไม่ไหว ก็ลาออกซะ
จริงๆ อยากลาออกตั้งแต่เดือนแรกที่จ่ายเงินเดือนช้าแล้วล่ะ เพราะมันไม่ถูกต้อง
แต่ก็ไม่อยากทิ้งงาน เพราะนอกจากงานที่รับผิดชอบหลักแล้ว
ผมก็เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการทำงานในออฟฟิศด้วย
หาได้ยอตัวเองไม่… มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ บอกแล้วว่าผู้ร่วมงานมีแต่ง่อยๆ ทั้งนั้น
เฮ่อ… จนถึงบัดนี้ยังไม่ได้เงินเดือนเลย จนสุดๆ
จะฟ้องกรมแรงงานฯ ก็หลักฐานไม่พอ
ใช้พยานแทนได้ แต่ก็ไม่มีใครกล้า จะกลัวอะไรนักหนาไม่รู้
ผิดตรงไหนที่เราจะทวงสิทธิของเรา เฮ่อ… เหนื่อยใจ

เอาเหอะ ตอนนี้เว็บก็เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
แถมยังมีเวลาทำบล๊อก เขียนนิยาย เรื่องสั้น ถ่ายรูป เที่ยวเตร่ (ถึงจะยังจนอยู่ก็ตาม)

แต่ทำคนเดียวมันก็เหนื่อยเอาการเลย เพราะคิดการใหญ่เกิน
เพราะฉะนั้น ผมจึงขอใช้พื้นที่นี้ประกาศรับบริจาคบทความและภาพถ่าย
เงื่อนไขมีดังนี้

เนื้อหาเว็บไซต์จะเน้นไปที่การท่องเที่ยวแบบผจญภัย ลุยๆ ขับรถ เดินป่า ปีนเขา ว่ายน้ำข้ามเกาะ ฯลฯ
โดยเน้นไปที่ประเทศไทย (แน่นอน) และกลุ่มประเทศเืพื่อนบ้านอินโดจีน – ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ทิเบต

แม้จะมีส่วนของการรับจัดทัวร์ หรือบริหารอื่นๆ แต่ผมจะรับผิดชอบแค่ส่วนเนื้อหา ไม่เกี่ยวกัน
ผมมาอาสาขอใช้พื้นที่เขาเอง โดยจะทำเนื้อหาในเว็บให้เป็นเชิงข้อมูลท่องเที่ยวมากกว่าเป็นเว็บบริษัททัวร์

บทความและภาพถ่ายที่รับบริจาคก็มีดังนี้
– บทความเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม หนังสือ ดนตรี หรือสินค้าอะไรก็ได้ เป็นแบบรีวิว หรือแบบบรรยายความประทับใจก็ได้ มีรูปประกอบด้วยก็ดีครับ
– บทความสารคดีท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์ เชิงผจญภัย เชิงแบ็คแพ็ค เชิงกราน หรือเชิงอะไรก็แล้วแต่ เขียนแบบสารคดีหรือแบบบันทึกส่วนตัวก็ได้ มีรูปประกอบก็ดีเช่นเดียวกัน
– บทความเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ เรื่องเล่า ตำนาน นิทานพื้นบ้าน ของเหล่าประเทศที่แสดงไว้ข้างต้น หรือจะเป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ งานกิจกรรมนิทรรศการต่างๆ เพลงและดนตรีสมัยใหม่ก็ได้
– ข้อมูลด้านที่พัก ร้านอาหาร ของแต่ละสถานที่ท่องเที่ยว (ต่างจากบทความ เพราะเอาแค่ข้อมูลเฉยๆ) หรือใครจะฝากประชาสัมพันธ์ก็ยินดี
– ภาพถ่ายที่บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยว หรือเรื่องราวน่าประทับใจ

ก็อย่างที่เห็นล่ะครับ ตามนั้น
และก็อย่างที่เข้าใจล่ะครับ รับบริจาค หมายความว่าไม่มีค่าตอบแทน
ที่จะทำให้ได้ก็คงมีแค่ขึ้นเครดิตให้ ตามที่ต้องการเลย อยากให้ลงเครดิตแบบไหนจัดมา
เพราะผมก็ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเช่นกัน
ทำสนองความต้องการตัวเองล้วนๆ และอยากจะได้มุมมองจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ มาเติมเต็มให้มัสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เพราะผมยังมีโครงการจะทำเป็นสองภาษาด้วย แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอก

ใครสนใจก็ติดต่อมาได้นะครับ ตามช่องทางด้านล่างนี้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น (ก็แหงสิฟะ)

เน
E-amil: webmaster@roadtripindochina.com; netiwut@gmail.com; ne7guy@hotmail.com
http://www.roadtripindochina.com

ร้อนเกินไปแล้ว

March 29, 2010 3 comments
ห้องที่ใช้ทำงานอยู่ทุกวันนี้ เป็นห้องที่รับแสงแดดยามบ่ายเต็มๆ แถมยังไม่มีแอร์และผ้าม่าน ด้วยเหตุที่ว่าผมชอบอะไรที่มันดิบๆ เผื่อจะได้ความคิดอะไรที่มันดิบๆ ไม่เจือปนสารพิษ แต่ก็ลืมไปว่าประเทศไทยมันเมืองร้อน ตอนเช้าก็เปิดหน้าต่างให้ลมโกรก นั่งทำงานเย็นสบายดี ตอนบ่ายก็ร้อนนิดหน่อยเพราะแดดแรง แต่ก็เปิดพัดลมพอช่วยได้ แต่พอบ่ายแก่ๆ เท่านั้นแหละ ความร้อนมันสะสมในห้อง ระอุไปหมด นั่งทำงานไป ปวดหัวไป -*-

มีความคิดว่าจะติดแอร์ที่ห้องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่อยากติด ไม่อยากติดพร่ำเพรื่อ เพราะถ้าติดไว้ที่ห้องนี้ มีหวังเปิดทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้ปิดแน่ๆ แล้วค่าไฟก็จะบานเบอะ เนื่องจากว่า ทุกคนก็จะมาใช้ห้องนี้กัน ทั้งทำงาน เล่นเน็ต เล่นเกม

ถ้าเป็นงานที่ไม่ต้องใช้คอมเครื่องใหญ่ และไม่ต้องใช้อินเตอร์เน็ต บางทีผมก็แอบไปเปิดแอร์ในห้องนอน นั่งทำงานสบายใจ แ่ต่ก็ไม่อยากทำบ่อย เพราะมักจะแอบหลับทุกครั้งไป

ครั้นจะไปนั่งทำงานในร้านแกแฟที่มีไวร์เลสอินเตอร์เน็ต ก็ไม่มีสมาธิอีก -*- เรื่องมากจริงหนอเรา

ความคิดตอนนี้คือ ติดเร้าเตอร์ไวไฟซะ แล้วยกแล็บท็อปไปนั่งทำงานในสวน ว่าแต่…สัญญาณมันจะถึงมั้ยล่ะ
เอ๊ะ แล้วถ้าติดไวไฟ… ก็ยกคอมไปไว้ในห้องนอนได้แล้วน่ะสิ ก็จะได้อารมณ์แบบว่า อยากทำงานเมื่อไรก็ทำ ง่วงก็นอน ตื่นมาก็ทำงานต่อ สถานที่เงียบสงบ เย็นสบาย ไม่มีใครรบกวน

แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ ถ้าอยู่ห้องแอร์นานๆ ภูมิแพ้ก็จะออกอาการ -*-
โอ๊ยย ชีวิตช่างลำบาก

Categories: Uncategorized